ทนายตั้ม เผยภาพสำนักงาน รองหัวหน้าพรรคดัง ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อว่าใช้ข่มขืนสาว แฉรองหัวหน้าพรรค ขู่เหยื่อว่าหากแจ้งความ ครอบครัวเหยื่อจะเดือดร้อน ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเปิดเผยความคืบหน้าของกรณีที่มีผู้หญิงหลายคนออกมาเปิดเผยว่าตนเคยถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคดังข่มขืน จนกลายเป็นกระแสข่าวที่หลายฝ่ายจับตามองดังที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
โดย ทนายตั้ม ได้โพสต์ภาพของสำนักงานซึ่งอ้างว่าสำนักงานของอดีตรองหัวหน้าพรรคดังและเป็นพื้นที่ที่ เขาใช้ลงมือก่อเหตุหลายครั้ง
ซึ่งทนายตั้มระบุว่า “นี่เป็นห้องที่รองหัวหน้าพรรค ที่มักจะหลอกผู้หญิงว่าเป็นสำนักงาน เหยื่อคนไหนหลงเชื่อยอมขึ้นมาบนห้อง รองหัวหน้าพรรคก็จะล็อคประตู ใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืน แล้วก็มักจะขู่เหยื่อว่าหากแจ้งความ ครอบครัวเหยื่อจะเดือดร้อน เพราะพ่อตัวเองนั้นใหญ่มาก บางคนต้องยอมให้ข่มเหงเป็นปีๆ บางคนเป็นบาดแผลในใจถึงกับป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บางคนถึงกับต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ
วันนี้พวกเราคนไทย ต้องขอบคุณและส่งกำลังใจให้เหยื่อทุกคนนะครับ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยความกล้าหาญ น้องๆเป็นผู้ถูกกระทำโดยไม่เต็มใจ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนทำ ทำให้อีกหลายคนรู้สันดาน รองหัวหน้าพรรคโรคจิต ว่าต่อหน้าสื่อเป็นคนดี ดูน่าเชื่อถือ แต่ลับหลังกลับมีพฤติกรรมตรงกันข้ามขนาดไหน จะได้ไม่มีคนตกเป็นเหยื่อมันอีก ขอขอบคุณทุกคนด้วยใจครับ”
ขณะที่ก่อนหน้านี้นาย ษิทรา ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Inside Thailand ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้ธาตุแท้คนนี้ จากมองเป็นคนดี เป็นนักวิชาการ แต่เบื้องหลังเขากลับมีรสนิยมทางเพศที่อยากจะคุกคาม หรือชอบคนที่ไม่ยอมเขา ทั้งๆ ที่เขามีเงินพอสามารถจะซื้อได้โดยที่ไม่เดือดร้อนเลย
ขณะเดียวกันบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ก็มีมวลชนจากกลุ่มทะลุแก๊สราว 50 คน ขับจักรยานยนต์วนเวียนอยู่บริเวณถนนวิภาวดีฝั่งขาออก พร้อมก่อจลาจลด้วยการขว้างปาระเบิดปิงปองและจุดประทัดส่งเสียงดัง
ต่อมาทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ประกาศเตือนให้กลุ่มวัยรุ่นทะลุแก๊สหยุดการกระทำดังกล่าว พร้อมกับยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาตอบโต้ โดยเป็นการปะทะกันไปมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมกลุ่มวัยรุ่นพร้อมรถจักรยานยนต์ได้ 2 คัน
ภรรยาไฮโซลูกนัท เข้าแจ้งความ รองหัวหน้าพรรคดัง เล่าถูกข่มขืนปี 64
ภรรยาไฮโซลูกนัท เดินทางเข้าแจ้งความ รองหัวหน้าพรรคดัง ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ เล่าตนถูกหลอกไปข่มขืนที่คอนโดในช่วงปี 64 แอนนา หทัยรัตน์ วิทยพูม ภรรยาของ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ได้เดินทางไปยังสน.ลุมพินี เมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งความ อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ในข้อหาลวงไปข่มขืนกระทำชำเรา
น.ส. หทัยรัตน์ ได้กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อปี 2564 โดยในวันนั้น ตนได้นัดคุยเรื่องงานกับนักการเมืองคนนี้ตอนกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่เขาอ้างเป็นเจ้าของ และบอกว่ามีออฟฟิศอยู่ใกล้ๆ กันกับร้าน แต่พอไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท เมื่อไปถึงเขาก็ล็อกประตูห้องแล้วข่มขืนเลย
ซึ่งตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืนก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้น ตนเพิ่งเลิกกับแฟนที่แพลนจะแต่งงานและเสียน้องชายไป ทำให้อยากเริ่มอะไรใหม่ๆ เขาก็เข้ามาขายฝันหลอกล่อเรื่องธุรกิจ บอกว่าให้ลองมาคุยกันเพราะเขาบอกว่าตนมีศักยภาพ เราก็ตกหลุมไป เพราะงานนั้นเป็นการรวมตัวของนักธุรกิจ
เธอกล่าวอีกว่า การเปิดเผยตัวตนในวันนี้ ก็เพื่อให้เหยื่อรายอื่นๆ กล้าที่จะออกมา เพราะตอนแรกตนรู้สึกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่พอทราบว่ามีผู้เสียหายอีกเยอะ เลยต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ขู่ แต่พูดว่าเป็นใครทำอะไรในเชิงข่ม และใช้กำลังบังคับตน ซึ่งหากเขาเป็นคนปกติก็คงแจ้งความไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
ในเวลาต่อมา คนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหาย วัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยัง สน.ลุมพินี เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยาน โดยเล่าเหตุการณ์วันดังกล่าวผู้สื่อข่าวว่า สืบเนื่องจากในวันที่ 12 เม.ย. พนักงานโรงแรมออกมาเรียกรถแท็กซี่เข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถแท็กซี่ ตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟายร้องไห้ไม่หยุด ก่อนที่จะโทรศัพท์หาแม่
ซึ่งตนจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรม เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำชำเรา ก่อนที่จะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่ สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความ
กันยายน 2565 ปีนี้ เป็นวันครบ 1 ปี การชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ณ แยกราชประสงค์ จุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนทางการเมือง และการเรียกร้องความยุติธรรมจากรัฐบาลทหาร ที่ทำให้สถานการณ์การเมืองไทยยังคงคุกรุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงวันที่ 5–9 กันยายน 2565 ร่องมรสุมกำลังแรงเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงข้ึน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป